อิสลามคืออะไร
โดยทางภาษา คำว่า "อิสลาม" มาจากรากคำภาษาอาหรับว่า "สะลิม่ะ" ซึ่งแปลว่า "เขานอบน้อมยอมจำนน เขาเข้าสู่ความสันติสุขเขาปลอดภัย" ดังนั้น อิสลามจึงมีความหมายว่า "การเข้าสู่ความสันติสุขหรือความสงบ" ซึ่งจะเป็นไปได้ก็โดยการยอมจำนนต่อเจตนารมณ์หรือพระประสงค์ของอัลลอฮฺผู้ทรงเป็นพระเจ้าที่แท้จริงแต่เพียงพระองค์เดียว
ความเป็นมาของอิสลาม
อิสลามเริ่มต้นจากความจริงที่ว่าอัลลอฮฺซึ่งเป็นพระเจ้าได้ทรงสร้างทุกสรรพสิ่งทั้งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิตขึ้นมา และเมื่อสร้างขึ้นมาแล้ว พระองค์ก็มิได้ทรงทอดทิ้งให้สิ่งที่พระองค์ทรงสร้างมาอยู่กันอย่างไร้ระเบียบ หากแต่พระองค์ได้ทรงจัดทุกสรรพสิ่งไว้ให้สมบูรณ์ ทรงวางกฏระเบียบและทรงนำทางให้แก่ทุกสรรพสิ่งที่พระองค์ทรงสร้างขึ้นมา
ดังนั้น เราจะเห็นว่าทุกสรรพสิ่งตั้งแต่เทหวัตถุที่ใหญ่ที่สุดในท้องฟ้าอย่างเช่นระบบสุริยจักรวาลจึงโคจรอยู่ในท้องฟ้าอย่างเป็นระเบียบและเป็นระบบ มีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกันอย่างสันติ ปราศจากความสับสนอลหม่าน หรือแม้แต่ระบบอวัยวะต่าง ๆ ภายในร่างกายของมนุษย์ก็ถูกสร้างและถูกกำหนดให้ทำงานสัมพันธ์กันเพื่อรับใช้ชีวิตมนุษย์ให้ดำรงอยู่โดยที่มนุษย์ไม่สามารถจะเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขกฏการทำงานของอวัยวะต่างๆ เหล่านั้นได้เลยแม้แต่น้อย และหากมนุษย์ฝ่าฝืนกฏของอวัยวะในร่างกายเขาเมื่อใด มนุษย์ก็จะไม่พบกับความสุขกายสบายใจและอาจเป็นอันตรายจนถึงตายในที่สุดก็ได้
เราจะเห็นได้ว่าการที่ทุกสรรพสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าสร้างมาอยู่กันอย่างสันติได้นั้นก็เพราะว่าสรรพสิ่งทั้งหลายยอมจำนนต่อกฏระเบียบที่พระองค์ได้ทรงกำหนดไว้โดยไม่มีสิ่งใดฝ่าฝืนกฏของพระองค์ ความสันติที่เกิดจากการยอมจำนนต่อกฏของพระเจ้านี่เองคือความหมายของคำว่า
อิสลาม และกฏระเบียบที่พระองค์ทรงสร้างไว้ให้แก่ทุกสรรพสิ่งนั้นก็คือกฏของอัลลอฮฺซึ่งมนุษย์ทั่วไปเรียกกันว่า "ธรรมชาติ" นั่นเอง
สำหรับมนุษย์ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตที่อัลลอฮฺสร้างมาให้มีความประเสริฐเหนือกสิ่งถูกสร้างอื่นใดนั้น อัลลอฮฺทรงรู้ดีว่านอกจากอาหาร สำหรับการดำรงชีวิตแล้ว มนุษย์ยังมีความต้องการสิ่งต่าง ๆ สำหรับการดำเนินชีวิต ดังที่กล่าวมาในตอนต้น ดังนั้น พระองค์จึงได้ประทานอิสลามมาให้แก่มนุษย์โดยเริ่มตั้งแต่มีมนุษย์คนแรกบนโลก นั่นคืออาดัมและทยอยประทานเรื่อยมาโดยผ่านทางท่านอย่างครบถ้วนสมบูรณ์โดยใช้เวลาทั้งหมด23 ปี
***** ในการประทานอิสลามให้แก่มนุษย์นั้น พระองค์มิได้ทรงบังคับมนุษย์ให้ต้องรับอิสลาม เพราะพระองค์ได้ประทานสติปัญญาอันเป็นที่มาของเจตนารมณ์เสรีให้แก่มนุษย์แล้ว มนุษย์จะเลือกรับอิสลามหรือจะปฏิเสธก็ได้ คนใดที่เชื่อในพระองค์และยอมปฏิบัติตามคำบัญชาของพระองค์ ผู้นั้นก็ได้ชื่อว่า มุสลิม ใครที่ไม่เชื่อว่าอัลลอฮฺเป็นพระเจ้าและไม่ยอมปฏิบัติตามคำบัญชาของพระองค์
เขาก็ได้ชื่อว่าเป็น ผู้ปฏิเสธ (กาฟิรฺ)
ดังนั้น หากเราพิจารณาให้ดีถึงสิ่งที่กล่าวมา เราจะเห็นว่าชีวิตของมนุษย์ในส่วนที่เป็นอวัยวะของร่างกายนั้นล้วนอยู่ในอิสลามแล้วทั้งสิ้น เพราะอวัยวะทุกส่วนในร่างกายของมนุษย์นั้นทำงานไปตามกฏเกณฑ์ที่พระเจ้าได้ทรงกำหนดไว้ จะเหลือก็แต่สติปัญญาและจิตใจของเขาเท่านั้นที่จะยอมรับเอากฏเกณฑ์และคำบัญชาของพระองค์มาปฏิบัติในการดำเนินชีวิตในทุก ๆ ด้านตั้งแต่ลืมตาจนถึงหลับตาหรือไม่เท่านั้น
นี่คือสิ่งที่มนุษย์จะต้องตัดสินใจ เพราะในไม่ช้ามนุษย์ทุกคนจะต้องกลับไปหาพระองค์พร้อมกับความรับผิดชอบอย่างแน่นอน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น